สุนัขกับทารก อยู่ร่วมกันได้หรือไม่ จัดการอย่างไรให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข


หลาย ๆ ครอบครัวมักจะเลี้ยงสุนัข และมีเบบี๋ตัวน้อย ๆ อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น วันนี้ทางเราได้มีบทความดี ๆ ที่จะมาแบ่งปันให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่มีทั้งสุนัขภายในบ้าน และเด็กทารกอยู่ในบ้าน เกี่ยวกับวิธีการดูแลทั้งสุนัขและเด็กทารก การเลี้ยงสุนัขให้เกมาะสมกับช่วงวัยของเด็ก และเคล็ดลับที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่เหล่าคนรักสัตว์ไม่ควรพลาด

ถ้าในบ้านมีเด็กเล็ก ๆ จะเลี้ยงสุนัขได้หรือไม่

หลาย ๆ คนอาจจะเป็นกังวลเมื่อต้องมีเบบี๋และสุนัขอยู่ร่วมภายใต้หลังคาเดียวกัน กลัวว่าสุนัขจะทำร้ายเด็กหรือไม่ หรือกลัวว่าสุนัขจะแพร่เชื้อโรคไปสู่เด็กหรือไม่ แต่คำตอบจากทางเรา เราขอยืนยันเลยว่า “สุนัขและเด็กสามารถอยู่ร่วมกันได้” เพียงแต่เราจะต้องดูแลในเรื่องของความสะอาดและสุขอนามัยให้ดีอยู่เสมอ และควรเลี้ยงสุนัขและเด็กให้อยู่ในสายตาเสมอ

เลี้ยงสุนัขภายในบ้านที่มีเด็กเล็ก ๆ ดีอย่างไร

จากการศึกษาวิจัย ได้ข้อสรุปออกมาว่า บ้านไหน ครอบครัวไหนที่มีลูกเล็ก ๆ และเลี้ยงสุนัขด้วย จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กดียิ่งขึ้น เพราะเด็กจะมีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคได้มากกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป จึงทำให้ร่างกายสามารถผลิตภูมิคุ้มกันต่อโรคภูมิแพ้ตามธรรมชาติได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้อยู่กับสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน อีกทั้งการมีสุนัขภายในบ้าน ยังช่วยให้เด็กได้เรียนรู้การเข้าสังคม การมีจิตใจที่อ่อนโยน และคุณพ่อคุณแม่ยังสามารถปลูกฝังพฤติกรรมการรักสัตว์ให้เด็ก ๆ ได้ง่ายกว่า

เลี้ยงอย่างไร ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ

การมีทั้งสุนัขและลูกเล็ก ๆ ภายในบ้าน อาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลกันไม่ใช่น้อย และในวันนี้ ทางเราก็ได้รวบรวมสิ่งรบกวนจิตใจของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ และตอบคำถาม พร้อมแนวทางการแก้ไข เพื่อให้ทั้งสุนัขและลูกน้อยสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

กังวลว่าสัตว์เลี้ยงจะทำร้ายลูก

คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องกังวลไปในข้อนี้ เพราะโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว สุนัขมักเป็นมิตรกับมนุษย์ค่ะ ยกเว้นเสียแต่ว่าสุนัขสายพันธุ์นั้นเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ดุร้ายและก้าวร้าว แต่ตามธรรมชาติของสุนัข เมื่อคุ้นเคยกับใครแล้ว สุนัขจะอ่อนโยนมาก ๆ โดยเฉพาะกับเด็กทารก จึงไม่ต้องกังวลว่าสุนัขจะทำร้ายลูกนะคะ ถึงแม้ว่าลูกจะเล่นแรงตามประสา หรือลงไม้ลงมืออย่างไม่ได้ตั้งใจกับสัตว์เลี้ยง สุนัขก็จะไม่จู่โจมกลับ

แล้วสัตว์เลี้ยงจะอิจฉาเจ้าตัวน้อยไหม?

หลาย ๆ คนมักจะกังวลใจกันว่า เมื่อมีสมาชิกใหม่ในครอบครัว สุนัขจะรู้สึกเหมืนโดนทอดทิ้ง สุนัขอาจมีพฤติกรรมที่ผิดปกติไปจากเดิม อาจหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น กินอาหารน้อยลง และอาจจะถึงขั้นตีตัวออกห่างจากมนุษย์ก็เป็นได้

แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เมื่อเจ้าของสุนัข หรือคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าตัวน้อย ให้ความใสใจกับสุนัขของคุณ และหาเวลาอยู่กับสัตว์เลี้ยง เพื่อไม่ให้เจ้าสุนัขผู้แสนดีของคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกละเลยและทอดทิ้ง หรือหากพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือการพาสุนัขได้เข้าไปทำความคุ้นเคย และปฏิบัติกับสุนัขให้เหมือนกับเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว ให้สุนัขได้เป็นพี่ใหญ่ของเจ้าตัวเล็ก และเมื่อเกิดความสนิทสนมกันแล้ว ทีนี้ไปไหนไปกันเลยล่ะค่ะ แถมยังอาจจะได้เป็นเพื่อนซี้กันเมื่อเจ้าตัวเล็กโตขึ้นอีกด้วย

ขนสุนัขจะทำให้ลูกเป็นภูมิแพ้ไหม

มีความเข้าใจผิด ๆ ว่าขนสุนัขมักทำให้เด็กเป็นโรคภูมิแพ้ แต่ในความจริงแล้วขนสุนัขไม่ได้ทำให้เด็กเป็นโรคภูมิแพ้นะคะ แต่สิ่งที่ติดมากับขนสุนัขต่างหาก ที่ทำให้เด็กอาจเกิดอาการระคายเคืองหรือเป็นโรคภูมิแพ้ได้ วิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้คือการดูแลเรื่องความสะอาดให้กับสุนัข และฉีดยาแก้เห็บหมัดแทนการหยอดยาเพียงอย่างเดียว และไม่ต้องกังวลไปนะคะว่าขนสุนัขจะเข้าไปยังปอดผ่านจมูกของลูก เพราะกลไกทางธรรมชาติของมนุษย์จะทำการกำขัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นด้วยการจามออกมา

สุนัขและเด็ก จะนอนร่วมเตียงเดียวกันได้หรือไม่

เด็กทารกที่มีอายุต่ำกว่า 3 เดือน เราอาจจะยังไม่แนะนำให้นอนร่วมเตียงเดียวกันกับสุนัขค่ะ เนื่องจากเด็กในวัยนี้ยังเล็กเกินไป และร่างกายยังไม่สามารถผลิตภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น การนอนร่วมเตียงเดียวกับสุนัขสำหรับเด็กในวัยนี้ จึงอาจจะยังไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ แต่หากเด็กมีอายุ 3 เดือนขึ้นไปแล้ว ร่างกายแข็งแรงพอแล้ว และระบบภูมิคุ้มกันมีความแข็งแรงมากพอแล้ว ก็สามารถนอนร่วมเตียงกับสุนัขได้ แต่อาจต้องดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษด้วยนะคะ

วิธีป้องกันการแพร่เชื้อโรคจากสุนัข

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลมากที่สุดคือการที่ลูกจะได้รับเชื้อโรคจากสุนัข ถึงแม้ว่าการเลี้ยงสุนัขนั้นจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกก็ตาม แต่เชื่อว่าคุณพ่อคุฯแม่ก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ ดังนั้น เรามาดูกันว่าจะมีวิธีไหนบ้าง ที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้

1.หมั่นทำความสะอาดบริเวณบ้านที่เลี้ยงสุนัข

หมั่นทำความสะอาดบ้านด้วยเครื่องดูดฝุ่น และทำความสะอาดพื้นด้วยน้ำยาถูพื้นฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำ เพื่อป้องกันขนของสุนัขที่อาจฟุ้งกระจายเข้ามาในบริเวณที่มีเด็กอยู่

2.ดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยง

หมั่นอาบน้ำสุนัขให้สะอาดเป็นประจำ และฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ หมั่นถ่ายพยาธิ กำจัดเห็บและหมัดของสุนัข เพื่อป้องกันเชื้อโรค แมลง และปรสิตต่าง ๆ ที่อาจเข้ามาสู่ร่างกายลูกได้

3.ดูแลเรื่องความสะอาดส่วนบุคคล

นอกจากจะรักษาความสะอาดในส่วนของสุนัขแล้วนั้น คุณพ่อคุณแม่ก็ควรดูแลความสะอาดของตัวเองและลูกน้อยด้วยเช่นเดียวกัน โดยคุณพ่อคุณแม่ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง หลังจากสัมผัสสัตว์เลี้ยง และหมั่นทำความสะอาดร่างกายให้ลูกเป็นอย่างดีด้วย

4.กั้นพื้นที่ของสัตว์เลี้ยงให้ชัดเจน

การกั้นพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้ามาคลุกคลีกับลูก อาจช่วยลดปัญหาเรื่องเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกายลูกได้ หากกลัวว่าลูกจะติดเชื้อโรคจากสุนัข ก็ไม่จำเป็นต้องให้นอนร่วมกัน หรือใช้เตียงเดียวกัน แต่ก็ยังสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ หรือเล่นสนุกร่วมกันได้

การเลี้ยงสุนัขและการมีเด็กเล็ก ๆ อยู่ในบ้าน จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป หากเรารู้และเข้าใจการดูแลทั้งสองฝ่ายอย่างถูกต้อง นอกจากสุนัขจะเป็นเพื่อนคลายเหงาให้ลูกแล้ว ลูกยังได้เรียนรู้ปฏิสัมพันธ์กับสุนัข และไม่แน่ว่าในอนาคต ทั้งสองจะได้เป็นเพื่อนซี้กันก็เป็นได้

หากคุณมีความสนใจในสุนัขคุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของฉันเกี่ยวกับการดูแลสุนัข https://caringmydog.com/

ฉันเขียนโพสต์อื่นที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ดูด้านล่าง

สุนัขกับทารก เลี้ยงยังไงให้เข้ากันได้ พร้อมวิธีเลี้ยงสุนัขให้เหมาะกับเด็กแต่ละช่วงวัย

Ploy

พลอยยินดีแบ่งปันข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก ซึ่งมาจากทั้งการค้นคว้าด้วยตัวเอง รวมถึงประสบการณ์ตรงจากการเลี้ยงลูกของพลอยเอง หากคุณแม่ท่านไหนกำลังมองหาข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก บล็อกนี้มีข้อมูลที่คุณแม่ต้องการค่ะ :)

Recent Posts